日本(冬)

日本(冬)

ประวัติความเป็นมาของ HOU-REN-SOU(โฮ เรน โซ)

ที่มาของ 報・連・相 โฮ เรน โซ

     สวัสดีค่ะ ช่วงนี้งานค่อนข้างยุ่งไม่มีเวลามาเขียนบล๊อกเพิ่มเติมเลย แต่ด้วยมีน้องท่านหนึ่งส่งคำถามเกี่ยวกับที่มาของโฮเรนโซมาทางเมลทำให้ล่ามหนูดีเกิดอยากรู้ขึ้นมาด้วย ก็เลยไปค้นหาในเว็บไซค์ของญี่ปุ่นเกี่ยวกับที่มาของโฮเรนโซ หลังจากที่อ่านสรุปใจความได้ ดังนี้ (ปล.แต่ถ้ามีใครมีความรู้มากกว่านี้ก็เอามาแชร์กันได้นะคะ การแบ่งปันจะทำให้เราได้สิ่งดีๆ กลับมาค่ะ) มาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า

     บุคคลที่สร้างหลักการนี้ขึ้นมา คือ 山崎富治氏 Mr.Yamazaki Tomiji (ยามาซากิ โทะมิจิ) ซึ่งเป็นประธานบริษัทหลักทรัพย์ชื่อ SMBC Friend Securities Co.,Ltd. ในกลุ่ม Sumitomo Mitsui Financial Group (SMFG) เป็นบริษัทหลักทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศญี่ปุ่น และที่มาของหลักการโฮเรนโซ คือ คุณยามาซากิ เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาในระหว่างที่กำลังอาบน้ำในอ่างอาบน้ำหรือที่เราเรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า การแช่โอะฟุโระ อยากที่จะให้ภายในบริษัทมีการขับเคลื่อนด้วยโฮเรนโซให้มากขึ้น 
ในปีค.ศ.1982 จึงได้มีการจัดแคมเปญหรือการรณรงค์ภายในบริษัทการนำโฮเรนโซมาใช้ในการทำงานอย่างจริงจัง จากจุดเริ่มต้นตรงนี้เองทำให้หลักการทำงานโฮเรนโซได้แพร่หลายมากขึ้น จนปี 1986 คุณยามาซากิได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการทำงานโดยใช้หลักการโฮเรนโซ ชื่อ ほうれんそうが会社を強くする―報告・連絡・相談の経営学 ถ้าแปลออกมาเป็นภาษาไทย ก็คือ ”โฮเรนโซทำให้บริษัทแข็งแกร่ง - การบริหารธุรกิจด้วยโฮโคะคุ (รายงาน)- เรนระคุ (ติดต่อ)-โซดัน (ปรึกษา)” เป็นหนังสือติดอันดับขายดี(Best Seller) ทำให้หลักการทำงานโฮเรนโซเป็นที่รู้จักและเป็นหัวใจในการทำงานของคนญี่ปุ่น ถ้าจะมองง่ายๆก็คือเป็นหลักการที่ทำให้หัวหน้าเข้าใจว่าลูกน้องของตนเองทำอะไรอยู่นั่นเอง หลักการทำงานนี้เป็นที่นิยมมากมีการนำมาใช้ในบริษัทของญี่ปุ่นหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นบริษัทโตโยต้าเองก็มีการปลูกฝังหลักการทำงานนี้ให้กับพนักงานของตน หรือบริษัทในเครืออีกหลายๆที่ ที่นำหลักการนี้บรรจุไว้ในหัวข้อการฝึกอบรมพนักงานตั้งแต่เข้ามาเริ่มงานใหม่กันทีเดียว

รูปหนังสือที่คุณยามาซากิเขียน




ขอบขอบคุณเว็บไซค์ด้านล่างที่ให้ข้อมูลดีๆ ให้ล่ามหนูดีได้ศึกษาหาความรู้เอามาเขียนให้อีกหลายๆ คนได้รู้จักหลักการนี้มากขึ้นค่ะ


https://ja.wikipedia.org/wiki/報・連・相



                       

แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ >>>> To be continue..........